วันพฤหัสบดี

เรื่องสมมุติ 3



ประเทศไทยคือ"ศูนย์กลาง"พระพุทธศาสนาโลก

คงต้องขอ "สมมุติ" ต่อให้จบไตรภาค.. 

มิเช่นนั้นก็ดูจะไม่ "สมบูรณ์" ทำให้มองไม่เห็นว่าทำไมถึง "ปล่อย" ให้วัดใหญ่อยู่ต่อไปไม่ได้.!!


เมื่อ "วัดใหญ่" แห่งนี้ดำเนินการ "เผยแผ่" ไปอย่าง "กว้างไกล" ทั้งในและต่างประเทศ..

อีกทั้งยัง "ปลูกฝัง" เยาวชนรุ่นใหม่ให้มี "ใจรัก" ในพระพุทธศาสนา.. เพื่อจะได้ "เติบใหญ่" ขึ้นเป็น "คนดี" ของสังคมอย่างแท้จริง

ซึ่งถือว่าเป็นการ "สืบทอด" สิ่งที่ "บรรพบุรุษ" ได้สละเลือดเนื้อเก็บ "รักษา" มาไว้ให้เป็นเวลาหลายร้อยปี.!!!

จนเป็นที่รู้กันไปทั่วโลกว่า.. ประเทศไทยคือ "ศูนย์กลาง" ของพระพุทธศาสนา.!!!


เป็นเรื่อง "ปกติ" ที่เมื่อคุณมีมวลมหาประชาชน.. จึงเป็นที่ "หมายปอง" ของเหล่าผู้ที่ต้องการ.. เสียง!!!

และเมื่อ "เรา" ไม่ได้.. ก็จงอย่าได้มี "ใคร" ได้ไป "ปฏิบัติการ" ตามล้างตามผลาญจึงตามมา..

โดยไม่เคยเชื่อว่า.. ยังมี "หมู่คณะ" ที่ตั้งใจทำความดีเพื่อความดี เพียงหวังแค่จะบ่ม "บารมี" ให้แก่รอบ..

เพื่อไป "รบ" กับศัตรูที่แท้จริง ซึ่งก็คือ "กิเลส "ในใจตน..  มิได้ "มุ่งหวัง" จะไปเป็น "ฐาน" ให้กับใคร.!!

โลภในสิ่งที่ไม่ใช่ของตนย่อมนำมาซึ่งความทุกข์

สุภาษิตจีนมีอยู่บทหนึ่งว่า "เจี้ยนเฉียนเหยี่ยนไค" หมายถึง.. เห็นเงินแล้วตาโต.!!

เมื่อดูจากจำนวนคนที่มา "ทำบุญ" ก็พอจะคำนวนถึง "ยอดเงิน" บริจาคได้.. เพียงถ้าสามารถเข้าไปมี "เอี่ยว" ได้ก็คงสบายไปชาติหนึ่ง

ซึ่งหารู้ไม่ว่า "ได้มาก็ใช้ไป" มิได้มีเก็บไว้เป็นถุงเป็นถังดั่งที่เข้าใจ..

ล้วนหมดไปกับการสอน "ศีลธรรม" และก็สร้าง "ศาสนสถาน" ไว้ให้เป็นสมบัติของแผ่นดิน.!!!


รวมถึงผู้ที่เคย "อกหัก" จากทางวัดว่ามิได้ให้ความ "สำคัญ" เพราะวัดยึด "นโยบาย" เท่าเทียมกันทุกคน..

จึงไปจับมือกับนัก "รับจ้าง" เคลื่อนไหวทั้งหลาย.. คอยตีฆ้องร้องป่าว เที่ยวประกาศปาวๆ ว่า.. ทนไม่ไหวแล้ว ทนไม่ไหวแล้ว..

ทำไมจึง "ปล่อย" ให้วัดใหญ่เที่ยวหลอกลวงประชาชนอยู่ได้.??

ก็ไม่ทราบว่าท่านเหล่านี้.. อยู่ในกระทรวงยุติธรรม หรือ เคยเสียเงิน "บริจาค" ให้กับทางวัดบ้างไหม.???

คู่หูที่เดินสายฟ้องร้องไปทั่วทั้งๆที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยซักนิด

บวกกับ "สื่อ" บางสำนักที่แม้ผู้ก่อตั้งจะ "ไม่อยู่" แล้วจากการไปกู้ "กรุงไทย" แทนที่จะไปกู้.. ชาติไทย.!!!

อาศัยปลายปากกา "หากิน" ไปวันๆโดยมิเคยคำนึงถึงคำว่า "จรรยาบรรณ" สื่อ.!!!

อาจจะด้วย "เศรษฐกิจ" ที่บีบรัด.. ทำให้หลายๆสำนักต้องทยอย "ปิดตัว" ลง จึงต้องเร่งหา "ตัวช่วย" เพื่อพยุงสถานการณ์ไว้..

ก็พอดีกับ "ข่าว" วัดใหญ่นั้น "เขียน" แล้วได้ตังค์.. บวกกับมี "ใบสั่ง" ลงมา.. จึงเป็น "เคมี" ที่เข้ากันพอดี.!!!


และสุดท้าย.. นั่นคือความ "น่ากลัว" ของกระบวนการทั้งหมด.!!

เมื่อ "พวกหนึ่ง" ทำเพื่อลาภ..ยศ..ชื่อเสียง  ส่วน "อีกพวก" ทำเพื่อจะได้ "ปักหลัก" ในแดนดินถิ่นสุวรรณภูมิ.!!!

และ "ปราการ" ด่านสำคัญก็คือ "วัดใหญ่" แห่งนี้.!!!  ถ้าไม่ผ่านบ้าน "บางระจัน" ก็ยากจะเข้าถึง "ศรีอยุธยา" ฉันใดก็ฉันนั้น

จึงเป็นที่มาของความ "ร่วมมือ" โดยพวกแรกก็ "หวังทุน" จากพวกหลัง.. ทำนองเดียวกันพวกหลังก็หวังจะ "หลอกใช้" พวกแรก ประดุจ.. ผีเน่ากับโลงผุ.!!!

ที่ได้ "สมมุติ" มาทั้งหมดนั้น.. มันคง "ไม่สามารถ" เป็นไปได้จริง.!!  

เพราะ "ทุกสิ่ง" ได้คลี่คลายไปหมดแล้วด้วยอานุภาพแห่ง "ธัมมจักกัปปวัตนสูตร" จำนวน "หลายล้าน".. จบ!!!! 

พ.พเนจร



ศาสนสถานก็คือ"สมบัติ"ของแผ่นดิน

เรื่องสมมุติ 2



หนึ่งภาพแทน"ล้าน"คำพูด

สมมุติกันต่อว่า.. เมื่อ "วัดใหญ่" แห่งนี้ทำงาน "เผยแผ่" ได้อย่างมีประสิทธิภาพและปรากฎเป็น "ผลงาน" ออกมามากมาย..

ภายในประเทศ.. ได้ก่อตั้ง "ศูนย์ปฏิบัติธรรม" ขึ้นทั่วทุกภูมิภาค.. จนสามารถจัด "บวชพระ" ได้ครั้งละหลายหมื่นรูป..

ด้านต่างประเทศ.. ก็ส่ง "พระธรรมฑูต" ออกไปทั้งทวีปอเมริกา.. ยุโรป.. แอฟริกา.. ออสเตรเลีย.. และทั่วทวีปเอเชีย

สถาปนา "วัดสาขา" ขึ้นแทบจะทุก "เมืองหลวง" ของประเทศต่างๆทั่วโลก.!!!


เด็กวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า.. เมื่อหวังอยากให้คนไทย "เลิกโกง" มันก็ต้อง "ฝึก" กันตั้งแต่หัวเท่ากำปั้น..

ไม่ใช่ว่าไป "ขึ้นเวที" แล้วตะโกนด่า "คนอื่น" ว่าโกงแล้วตัวเองก็จะกลายเป็น "คนดี" ในทันที..

วิธีนี้ "วัดนี้" เขาไม่ทำ..  แต่เขาจะใช้การอบรม "พร่ำสอน" ตลอดจนชี้ถึง "บาปบุญ" ให้เกิด "หิริ โอตตัปปะ" ขึ้นภายในใจ..

จึงมีโครงการ "เด็กดีวีสตาร์" ที่เป็น "รูปธรรม" ประเมินผลได้ "มิใช่" เพียงแค่การให้.. โอวาท !!!


ปลูกฝัง"ศีลธรรม"เพื่อโตขึ้นหนูจะเป็นคนดี

เมื่อมีคนชอบ.. มันก็ย่อมมีคนชัง.!!  ไม่ว่าคุณจะ "ทำดี" แค่ไหนก็ตาม.!!!

อาจจะด้วยตาม "ไม่ทัน" ในความคิด.. หรือยังติดว่า "พุทธศาสตร์" มันต้อง "รับ" อยู่กับที่..

การใช้ "เทคโนโลยี" นั้นไม่เหมาะกับ "วัด" เพราะในสมัย "พุทธกาล" ก็ไม่ได้ใช้.!!

เพราะฉะนั้น.. พอทางวัดใช้การ "บุก" ไปหาคนแทนการ "รอ" ให้คนมาหา.. มันจึงเป็นอะไรที่ "คิด" ว่าเกิน..


ส่วนการ "ทำบุญ" นั้นต้องตามแต่ "ศรัทธา" ก็ยังไม่เห็นว่าวัดจะไป "ล้วงกระเป๋า" ใคร.???

แทงม้า.. แทงหวย ไม่เห็นจะมีใครกล้าไป "เผือก" แต่พอคน "เลือก" ที่จะ "ทำบุญ" เยอะๆ.. กลับมา "ห่วง" ว่าเขาจะหมดตัว.!!

เริ่มต้นมันก็ทำกันคนละ "น้อยๆ" แต่เป็นเพราะยิ่งทำก็ยิ่งได้กลับมาเพิ่มขึ้น.. ก็ของมัน "พิสูจน์" ได้กับตัว.!!!

ซึ่งก็ตรงกับ "คำสอน" ว่าต้อง "ให้ก่อน" แล้วจึงจะ "ได้คืน" แล้วก็ได้มากกว่าเก่า.. อ่านไปไม่ถึงเองแล้วจะมาโทษกัน


ปริยัติ..ปฏิบัติ..ปฏิเวธ..เทศนาก็เพรียบพร้อม

ส่วนพวกที่โทษว่า "คำสอน" นั้นผิดไปจากพระไตรปิฎก.. ก็เห็นว่าพระมหาเปรียญธรรม 9 ประโยค

วัดนี้ก็ "อันดับหนึ่ง" ของประเทศ.!!  หรือว่าจะ "พระไตรปิฎก" คนละเล่ม.?

ถ้าเล่มเดียวกัน.. แล้ว "คุณ" ว่า "เขา" ผิด ทั้งๆที่คุณก็ยังเป็น "ปุถุชน" คนธรรมดาเหมือนกัน..

มันก็ "เข้าข่าย" ประเภท "คนดี" ที่ขึ้นไปบนเวทีแล้ว "ตะโกน" ว่าคนอื่นโกง.. ฉันใดก็ฉันนั้นแล.!!!


ยังมีอีกหนึ่งความคิด.. นั่นก็คือ "ใหญ่" เกินไป.!!!  จนเกิดความ "กลัว" ว่าจะ "เป็นภัย" ต่อความมั่นคง..

บุคคลผู้ "รอบคอบ" ย่อมต้อง "ระวัง" ในสิ่งที่อาจจะเป็น "อันตราย" .. จึงควรรีบไป "ศึกษา" ให้ดีว่า "ของจริง" หรือของปลอม.!!!

ส่วนคนที่ "ขี้ระแวง" นั้น ย่อมจะทำ "การใหญ่" ใดๆมิได้ และก็ง่ายต่อการถูก "หลอกใช้" ให้มา "ทำลาย" พระพุทธศาสนา..

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น.. มันก็เป็นเรื่องที่ "สมมุติ" ขึ้น.. เพราะ "ทุกสิ่ง" นั้นย่อมเกิดขึ้น.. ตั้งอยู่.. แล้วก็ "เสื่อมสลาย" ไปนั่นเอง.!!!!

พ.พเนจร




วันพุธ

เรื่องสมมุติ




สมมุติว่ามีวัดแห่งหนึ่งสร้าง "ปรากฎการณ์" ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประเทศไทยด้วยการ..

ชวนคน "เข้าวัด" ได้อย่างมากมายหลายล้านคน..

ระดมทุนได้ "มหาศาล" เป็นหลักหลายพันล้านบาทในแต่ละปี..

เผยแผ่ "พระพุทธศาสนา" ไปอย่าง "รวดเร็ว" และ "กว้างไกล" ไปทั่วโลก..


เมื่อสืบสาวดู "ประวัติ" แล้วก็พบว่าเกิดมาจาก "พระภิกษุ" เพียงแค่ไม่กี่รูป กับ "แม่ชี" แค่ 1 ท่าน..

แล้วในจำนวนไม่กี่รูปนี้ ต้องถือว่า "ศูนย์รวมใจ" นั้นอยู่ที่ "เจ้าอาวาส" นั่นเอง..

บุคคลผู้สามารถ "สร้างวัด" ที่ใหญ่โตมโหฬารขึ้นมาจาก "ท้องนาฟ้าโล่ง" ในระยะเวลาเพียงแค่ 30-40 ปี

มี "ศาสนสถาน" ประเมินราคาแล้วไม่ต่ำกว่าหลายหมื่นล้านบาท.. และมี "ศิษยานุศิษย์" กระจายอยู่ทุก "ภูมิภาค" ทั่วโลก..





ท่านมีมโนปณิธานที่จะ "ฟื้นฟู" พระพุทธศาสนาให้กลับมา "รุ่งเรือง" ดังสมัยพุทธกาล..

จึงพยายามทุกวิถีทางที่จะ "สอนศิษย์" ให้มีความ "เคารพ" ในพระรัตนตรัย.. และเชื่อในเรื่องของบาป.. บุญ.. คุณ.. โทษ

โดย "ยึดถือ" ตามแนวคำสอนของ "พุทธองค์" ว่า.. ทำดีต้องได้ดี ทำบุญย่อมได้บุญ.!!!

จึงได้เกิด "ศรัทธามหาชน" อย่างล้นหลามแห่กันมา "ทำบุญ" ที่วัดแห่งนี้.!!!



แม้แต่ "พระบรมศาสดา" ยังต้องมีมารมาผจญ.. และเหล่า "เดียรถีย์" ทั้งหลายคอย "ใส่ความ" ยุยง..

เพราะฉะนั้น.. จะให้คนทั้งหมด "เห็นด้วย" ในแนวทางการ "เผยแผ่" ของวัดนี้นั้นย่อมเป็นไปไม่ได้..

จึงมีการตั้ง "ข้อหา" มาตลอดระยะเวลาตั้งแต่สร้างวัด.. แต่เพราะ "ยึดมั่น" ใน "ธรรมวินัย" จึงทำให้ "ผ่านพ้น" มาได้โดยตลอด..

แต่ก็ยังถูก "ขัดขวาง" ในการทำงานอยู่เสมอ หรือ "อย่างดี" ก็ไม่ได้รับการ "สนับสนุน" ในกิจกรรมต่างๆ




หากคิดจะ "ล้ม" วัดแห่งนี้.. ก็ต้อง "จัดการ" กับศูนย์รวมใจคือท่านเจ้าอาวาส..

และที่รอมาตลอดก็คือ "โอกาส" และ "จังหวะ" เวลาที่เหมาะสม..

ในที่สุด.. เวลาที่รอคอยนั้นก็มาถึง "คดี" อัปยศแห่งปี "ฟอกเงินและรับของโจร"  จึงถวายแก่ "พระภิกษุสงฆ์" เป็นครั้งแรก..

สร้างความ "กังขา" ไปยังศิษย์ทั่วโลก เพราะมันดูเหมือนจะ "เลือกปฏิบัติ" เฉพาะเจาะจงกับ "หลวงพ่อ" ของพวกเขาเท่านั้น.!!!


คราวนี้เมื่อตั้ง "ข้อหา" แล้วก็ต้อง "นิมนต์" มารับทราบข้อกล่าวหา.. นี่จึงเป็น "จังหวะ" ที่รอคอยอย่างแท้จริง..

"โอกาส" ที่จะสามารถเอาท่านออกมา "นอกวัด" และให้มาใน "ถิ่น" ของตัวเอง..

โดยแผนถูก "กำหนด" ไว้หมดแล้วว่า.. ให้มาได้แต่กลับไปไม่ได้.!!!!

แล้วก็ต้องเป็นแบบ "จับมือ" ใครดมก็มิได้ดังเช่นกรณีของ..ธวัชชัย อนุกูล.!!!



แผนเกือบจะ "สำเร็จ" อยู่ร่อมมะร่อถ้าไม่มี "เหตุการณ์" ที่ทำให้การ "ปฏิบัติ" งานต้องสะดุด..

นั่นคือ..​ คิดไม่ถึงว่าแม้จะใช้ "สารพัด" วิธี ทั้งขู่ทั้งปลอบ.. ทั้งลูกล่อลูกชน.. 

แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไร "ลูกศิษย์" ทั้งหลายก็ไม่ยอม "ถอย" กลับยิ่งมารวมตัวกันมากขึ้น..

เป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็ก "ปกป้อง" หลวงพ่อของพวกเขายิ่งชีวิต.!!!


ดั่งคำสอนที่ว่า "ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" เพียงแต่ "ผลกรรม" นั้นมันจะส่งผลช้าเร็วแค่ไหน.??

แต่ "ประเมิน" จากสถานการณ์แล้ว.. คาดว่า "บทสรุป" ใกล้จะมาถึงแล้ว.!!!!

อันว่า "เรื่อง" ทั้งหลายทั้งมวลที่เขียนมานั้น "มัน" ก็เป็นแค่.. สมมุติ

ส่วนจริงแท้แน่นอนนั้นก็คือ.. ธรรมะย่อมชนะอธรรมเสมอ.!!!!

พ.พเนจร


สาธุชนเรือนแสนร่วมทอดผ้าป่า 132 ปี พระมงคลเทพมุนีเมื่อวันจันทร์ที่ 10 ตค. ที่ผ่านมา

วันพฤหัสบดี

สาบานแล้วนะ




"ไพสิฐ" ออกมา "ยอมรับ" เองว่าเจ้าหน้าที่ DSI  มีการแจ้ง "ข้อมูล" เท็จ ปิดบังผู้บังคับบัญชา..

หน่วยงานระดับนี้กลับมีการกระทำ "เยี่ยงนี้" แล้วจะให้ "ชาวบ้าน" ไว้ใจได้อย่างไร.???

ไหนว่า DSI..ความยุติธรรมที่พึ่งได้.!!!


นี่ถ้าคุณหมอ "เหรียญทอง" ไม่ได้ออกผลชันสูตรว่า "ตับแตก" จากการถูก "ของแข็ง" ไม่มีคมกระแทก..

คุณธวัชชัย อนุกูล ก็คงกลายเป็น "แขวนคอ" ตัวเองคาห้องขัง.. เรียบร้อยโรงเรียน DSI ไปแล้ว..

ต้องพกพา "ความแค้น" ไปสู่สัมปรายภพ.!!!


นี่คือหน่วยงานระดับชาติ.!!  สืบสวน "เก่ง" ที่สุดในประเทศไทย.!!

ต้องใช้เวลา 10 วัน ถึงจะรู้ว่า "เซิฟเวอร์" ในอาคารเสีย.!!!

ใช้เวลาอีก "เกือบเดือน" ค่อยรู้ว่าถูก "ลูกน้อง" แหกตา.!!!



ยังไม่นับคดีที่ผ่านมา.. เช่นกรณี "หญิงชาวจีน" เสียชีวิตที่สมุย..

เป็นคดีของ.. ท้องที่.!!  เกิดการ "ฆาตกรรม" กันระหว่างสามีภรรยา.. ก็ไป "แย่งมา" ทำซะงั้น..

แล้วก็สรุปแบบ.. ญาติ "กังขา" ถึงกับลงทุนบินมาเมืองไทยด้วยตัวเอง..


คดี "ฟอกเงินรับของโจร" ของ "หลวงพ่อ" วัดใหญ่ จ.ปทุมธานี จะดูกี่ทีมันก็ "ไม่มีทาง" เป็นไปได้.. เพราะมันไม่มีมูล.!!!

วัดท่านก็ "สร้าง" มาเอง "กับมือ" ตั้งแต่ยังเป็นท้องนาฟ้าโล่ง..  และปีนี้ "อายุ" ก็ 72 ปีแล้วแถม "อาพาธ" อีกต่างหาก..

จะมาทำเรื่อง "แบบนี้" ไปทำไม.!!!

สงสัยว่า "งานนี้" ท่านก็คงโดน "มิใครก็ใคร" ทำให้ "สับสน" อีกแล้ว..


เมื่อวันก่อนเห็น "ท่าน" ได้รับน้ำมนต์จาก "เจ้าคุณธงชัย" .. คาดว่าเสนียดจัญไรทั้งหลาย ก็คงจะพินาศสิ้นไป..

"ผีสาง" "นางไม้" ถ้าจะ "มีสิงมีเกาะ" อยู่ก็คงโดนน้ำพระพุทธมนต์ "ขับไล่" กระเจิดกระเจิงไปคนละทิศละทาง..

เพราะฉะนั้น.. อะไรที่มันอาจจะ "บังตา" จนทำให้เห็น "กงจักรเป็นดอกบัว" ก็คง "หลุดร่อน" ออกหมด..

แล้วถ้าจะให้ดีก็ไปที่ "วัดพระธรรมกาย" เพราะเขากำลังมีสวดมนต์ "ธัมมจักกัปปวัตนสูตร" กันอยู่พอดี..

คำสาบาน.. เอ้ยคำปฏิญาณ ที่ "กล่าว" ในวันฉลองครบรอบ 13 ปี.. มันจะได้ "สัมฤทธิผล" ดังกมลที่มุ่งมาดปรารถนาทุกประการเทอญ..

พ.พเนจร 




วันอาทิตย์

คิดให้หนัก



เมื่อบอกว่าผูกคอตายทำไมต้องไปลงโทษลูกน้อง.??  อ่านเพิ่มเติม

จะไม่ "แปลกใจ" เลยถ้าการ "ฆาตกรรม" นั้นเกิดขึ้นที่.. ป่าช้าวัดดอน

แล้วพบ "หลักฐาน" ระบุว่าชื่อนายถุงเท้า นามสกุลบานพับ.. เสียชีวิตด้วยการ.. ถูกกระทำให้ตาย!!!

"เจ้าหน้าที่" จึงทำการสืบค้นหา "ฆาตกร" จากเหตุว่าใครจะได้รับ "ผลประโยชน์" จากฆาตกรรมครั้งนี้..


แต่นี่มันชั้น 6 ในห้องคุมขังของกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI !!!  ซึ่งเป็นอาคาร "ปิด" แล้วก็เกิดขึ้นในช่วงกลางดึก..

มันจะเหลือ "แมว" ซักกี่ตัวที่ยังอยู่ในตึก!!! 

แต่จะใช้วิธีไป "สืบหา" เหตุจูงใจหรือใครสั่งฆ่า..  แล้วค่อยย้อนกลับมาหา.. ฆาตกร

ไม่ทราบว่าเรียนมาจากสำนักไหน.!!!

จะหาคนได้ประโยชน์จากการเสียชีวิตในห้องขังแล้วค่อยย้อนมาหาฆาตกร.???

เหมือนมี "มะพร้าว" หายไปซักลูก.. ก็แค่ไปดูกล้อง "วงจรปิด" ว่ามีใคร "เข้าออก" มั่งในช่วงเวลานั้น..

ซึ่งตอนแรก "ไพสิฐ" บอกว่ากล้องเสีย.. แต่ตอนหลังบอกไม่เสียแล้ว.. เพียงเเต่ "เซิฟเวอร์" มันบันทึกไม่ได้.!!

แล้วกว่าจะรู้ว่า "ใช้การไม่ได้" ก็ต้องใช้เวลาอีก.. สิบวัน!!!

ข้อแก้ตัวแบบนี้ต้อง.. DSI only 


คุณหญิงหมอบอกมีกระดูกกล่องเสียงหักเพิ่มเข้ามาอีกประเด็น  อ่านเพิ่มเติม

ของในร้านหาย.. แต่แทนที่จะสืบจากภายใน..​ เมื่อ "จับขโมย" ได้แล้วก็ค่อย "สาว" ไปหาคนที่ "ชักใย" อยู่เบื้องหลัง..

กลับกลายเป็นว่า.. ไปเที่ยวหาว่าบ้านไหนทำ "แกงกะทิ" มั่ง เพราะมันจะต้องมา "ขโมย" มะพร้าวเราไปแน่เลย..

วิธีนี้ก็ใช้ได้.. แต่มันจะต้อง "ขโมย" จากเข่งกลางตลาดสด.. ไม่ใช่จากในร้านที่ปิดมิดชิด.!!!



เพราะฉะนั้น.. มันก็มองได้อย่างเดียวว่ากำลัง "เบี่ยงประเด็น" สร้างความ "สับสน" ให้สังคม.. แล้วก็ปล่อยให้เรื่องค่อยๆเงียบไป..

DSI ความยุติธรรมที่พึ่งได้!!!  ก็ชักไม่แน่ใจซะแล้ว.???

ซึ่งก็โทษใครไม่ได้นอกจาก "ตัวเอง" เพราะจากพฤติกรรมที่ผ่านมามันก็ "ส่อ" ให้เห็นว่า "ทำงาน" กันอย่างไร..

เพราะฉะนั้น.. ใครที่ยังคิดช่วยด้วยการเอา "ฝ่ามือบังฟ้า" ก็ขอจง "คิดให้หนัก" เพราะเมื่อ "ฟ้ากระจ่าง" จะได้ไม่ต้องพลอยติดร่างแหไปด้วยนะจ๊ะ

พ.พเนจร


ผลชันสูตร..เลือดออกในช่องท้อง ตับแตก จากการถูกของแข็งไม่มีคมกระแทก!!